
โลกนี้เต็มไปด้วยผลงานชิ้นยอดเยี่ยมทางสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งซึ่งสร้างแรงดลใจให้กับเรา แต่สำหรับคนจำนวนไม่น้อย ตึกที่น่าประทับใจเหล่านี้มีอยู่ในจินตนาการแค่นั้น โชคดีที่พวกเราได้เก็บรวบรวมรายชื่อ 10 สิ่งก่อสร้างที่น่าระทึกใจ ประหลาดตา และสร้างสรรค์ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ไม่ว่าคุณจะชอบ สถาปัตยกรรม ยุคใหม่หรือร่วมยุค คุณจะตกหลุมรักรายการ 10 สิ่งอัศจรรย์ทาง
สถาปัตยกรรม ที่เหมาะสมที่สุดจากทั่วโลก
ตั้งแต่อาคารสูงไปจนกระทั่งสวนสาธารณะ โลกเป็นสถานที่ที่น่าดึงดูด รวมทั้งตอนที่การออกแบบ สถาปัตยกรรม แล้วก็ภูมิทัศน์ดำเนินไป ก็เป็นสถานที่ที่เยี่ยมยอดเหมือนกัน นี่คือสถานที่ที่ยอดเยี่ยม 10 แห่งที่จะเห็น
1. Sydney Opera House
Sydney Opera House เป็นเลิศใน สถาปัตยกรรม ที่ยิ่งใหญ่แล้วก็ตึกที่สวยที่สุดในโลก และก็ตั้งอยู่ในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ดีไซน์โดยนักออกแบบชาวเดนมาร์ก Jørn Utzon ผู้ชนะการแข่งขันในปี 2500 ให้เป็นส่วนประกอบที่ล้ำสมัยและก็มีพลัง ซึ่งจะเป็นตัวแทนของอนาคตและเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซิดนีย์ โครงการนี้ใช้เวลากว่าแปดปีก็เลยเสร็จ แล้วก็เปิดปฏิบัติการในปี 2516
Sydney Opera House ถูกใช้เป็นห้องแสดงการแสดงดนตรี โรงแสดงละคร รวมทั้งพื้นที่นำเสนอนิทรรศการ มันถูกสร้างขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องอำนวยความสะดวกด้านวัฒนธรรมรวมทั้งการพักผ่อนหย่อนใจของ Sydney Harbour Foreshore Authority ในอ่าวซิดนีย์ การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ และคุณสมบัติหลักเป็นรูปแบบคานเท้าแขนและผิวเหล็กซึ่งหุ้มด้วยทองแดง
ลักษณะทาง สถาปัตยกรรม หลักของ Sydney Opera House ได้แก่ การใช้อุปกรณ์จากธรรมชาติแล้วก็การแก้ปัญหาทางด้านเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ หลังคามุงด้วยทองแดงซึ่งสะท้อนแสงอาทิตย์แล้วก็ช่วยให้ตึกเย็นสบาย หลังคายังได้รับการออกแบบเพื่อใช้เป็นเมมเบรนกันเสียง
Sydney Opera House ตั้งอยู่ที่ Bennelong Point ทางด้านตะวันตกของอ่าวซิดนีย์ เปิดให้ราษฎรทั่วไปเข้าชมทุกวี่วัน เวลา 11.30 – 19.00 น. แต่ว่าในฤดูร้อนจะเปิดจนถึง 21.00 น.
2. หอไอเฟล
หอไอเฟล เป็นเลิศใน สถาปัตยกรรม ที่ยอดเยี่ยมรวมทั้งส่วนประกอบที่เป็นที่รู้จักสูงที่สุดในโลก แม้คุณจะมิได้กล่าวภาษาฝรั่งเศสก็ตาม กิตติศัพท์มาจากการออกแบบซึ่งมีสององค์ประกอบหลัก: งานเหล็กฝาขัดแตะและส่วนประกอบเหล็ก เป็น สถาปัตยกรรม ของหอไอเฟลที่ทำให้ดีไซน์เนอร์สามารถบรรลุเสถียรภาพทางส่วนประกอบที่อยากได้ได้
ต่อจากนี้ หอไอเฟลเป็นเลิศในอาคารที่โดดเด่นแล้วก็เป็นที่รู้จักสูงที่สุดในโลก ยิ่งไปกว่านี้ยังเป็นอาคารที่สูงที่สุดในกรุงปารีส เป็นส่วนประกอบยืนอิสระที่สูงเป็นชั้นสามของโลก หอคอยนี้วางแบบโดยกุสตาฟ ไอเฟล วิศวกรโยธารวมทั้งสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เขาต้องการสร้างหอสังเกตการณ์ที่สวยสดงดงามและมีสาระใช้สอย
หอไอเฟลตั้งอยู่ที่ Champ de Mars ในเขตที่ 7 สามารถเข้าถึงได้โดยรถไฟใต้ดินสาย 1 รวมทั้งเมโทร สำหรับในการไปถึงหอไอเฟล คุณต้องขึ้นรถไฟ RER (รถไฟด่วนภูมิภาค) ไปยังชาเตเลต์ – เลอาล ซึ่งอยู่ห่างจากหอพักไอเฟลเพียงไม่กี่นาที คุณสามารถเดินทางได้อย่างง่ายดายโดยรถเมล์หรือแท็กซี่ ถ้าหากคุณพอใจ พวกเราขอแนะนำให้คุณดูหอไอเฟลแล้วก็ทำความรู้จักกับมันให้ดียิ่งขึ้น คุณจะรักมันอย่างแน่นอน
3. กำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีนเป็นหนึ่งใน สถาปัตยกรรม ที่ยิ่งใหญ่แล้วก็แผนการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เริ่มขึ้นใน 220 ปีก่อนคริสตกาลและก็ใช้เวลาราวสิบห้าปีกว่าจะแล้วเสร็จในรัชสมัยของจักรพรรดิ Qin Shi Huang ผู้ซึ่งอยากได้ปกป้องรักษาชายแดนของจีนจากอาณาจักรโหดเ.้ยมด้านเหนือ นับจากนั้นมาได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาติจีน การออกแบบเริ่มแรกได้รับแรงบันดาลใจจากกำแพงอดีตสมัยที่สร้างโดยราชวงศ์ฉิน แต่ว่าระหว่างการก่อสร้างกำแพง คนของจักรพรรดิ์พบว่าพวกเขาปรารถนากำแพงที่แข็งแรงกว่าที่เคยสร้างมาก่อน พวกเขาศึกษาค้นพบว่าการใช้หินแล้วก็อิฐแทนก้อนอิฐโคลน กำแพงจะแข็งแรงพอที่จะยับยั้งกองทัพศัตรูได้
กำแพงเมืองจีนยอดเยี่ยมในโครงงานก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยกำแพงหินยาวกว่า 6,000 กิโลเมตร กำแพงเมืองจีนจึงถูกทำขึ้นเพื่อป้องกันจีนจากพวกมองโกล แผนการนี้เริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 13 เมื่อจักรวรรดิมองโกลรุกรานดินแดนของจีน นี่เป็นช่วงๆเวลาแห่งความระส่ำระสายของจีน มันอยากระบบคุ้มครองอย่างมาก ภายหลังจากช่วงเวลา 10 ปี แผนการก็เสร็จในปี 1271 โครงงานใช้เวลาราวๆ 60 ปีจึงจะเสร็จ
คุณอาจจะรู้จักกับเรื่องราวของการที่คนจีนสร้างกำแพงเมืองจีน แม้กระนั้นคุณอาจไม่เคยทราบอะไรเกี่ยวกับกรรมวิธีการจริงๆมากนัก นี่เป็นแนวคิดทั่วไปเบื้องหลังการออกแบบแล้วก็การก่อสร้าง: คนจีนต้องหาทางแก้ไขปัญหาของพวกเขากับผู้บุกรุกที่ข้ามเขตแดนจากทวีปเอเชียกึ่งกลาง วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับในการหยุดยั้งผู้บุกรุกกลุ่มนี้คือการผลิตกำแพงกันระหว่างพวกเขากับชาวจีน เพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้ผู้บุกรุกรุกล้ำเข้ามา เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้ผู้บุกรุกผ่านกำแพง คนจีนจะต้องสร้างกำแพงให้สูงอย่างน้อย 8 ฟุต พวกเขาต้องทำสิ่งนี้โดยการขุดคลองน้ำกว้างขั้นต่ำ 30 ฟุต ต่อจากนั้นสร้างกำแพงตามคูแล้วต่อเติมในคลอง กำแพงน่าจะยาวราวๆ 7,000 ไมล์ ถ้าเกิดคุณจำต้องเดินทางไปทั้งประเทศจีน
4. ทัชมาฮาล
ทัชมาฮาลบางทีอาจเป็นเยี่ยมในส่วนประกอบที่มีชื่อที่สุดในโลกแล้วก็มักถูกอ้างถึงว่าสำเร็จงานชิ้นยอดเยี่ยม อาคารนี้เป็นอนุสาวรีย์ของผู้ปกครองโมกุลของจักรวรรดิอินเดีย ซึ่งผลิตขึ้นในศตวรรษที่ 16 ขณะนั้นเป็นสุสานที่ใหญ่ที่สุดแล้วก็แพงแพงที่สุดในโลก ทุกวันนี้ องค์ประกอบยังคงเป็นที่ระลึกนึกถึงที่ความเจริญก้าวหน้าของอาณาจักรโมกุล ถึงแม้ป่าช้าจะไม่เคยสร้างเสร็จ
ทัชมาฮาลเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เห็นว่าผลงานชิ้นโบแดงของ สถาปัตยกรรม สามารถอยู่บนฐานรากของหลักการทำงานได้เช่นไร ความจริง ตัวตึกได้รับการออกแบบมาอย่างดีกระทั่งสามารถทนต่อภัยที่เกิดจากธรรมชาติได้โดยไม่มีความเสียหายร้ายแรง นักออกแบบของทัชมาฮาล จักรพัตราธิราชโมกุล ชาห์ จาฮัน รวมทั้งเมีย มุมตาซ มาฮาล เคารพนับถือธรรมชาติรวมทั้งข้อบังคับเป็นอย่างดี โดยเหตุนี้ทัชมาฮาลก็เลยมีฐานที่แข็งแรงพร้อมฐานเสาขนาดใหญ่ มีหิน 2 ชั้น และหินก่ออิฐแล้วก็เศษหินหรือก้อนอิฐ ที่ด้านล่างเพื่อสร้างโครงสร้างป้อมปราการอาจจะ
ตัวอาคารประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆที่คัดสรรมาอย่างยอดเยี่ยมเพื่อกับลักษณะอากาศในเขตแดน อาทิเช่น ทัชมาฮาลใช้หินอ่อนจากภูเขาอาบู ซึ่งร้อนและก็แห้งมากมาย ในขณะรากฐานผลิตจากหินในเขตแดนเพื่อให้มีความมั่นคงในสภาพอากาศที่ชื้นแฉะของอัครา ตัวอาคารยังคงใช้หินอ่อนสีขาวเพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ ในขณะปากทางเข้าหลักใช้หินอ่อนสีแดง ตึกยังใช้อิฐสำหรับฝาผนังภายนอกเพื่อป้องกันตึกจากฝนแล้วก็หิมะ ตัวอาคารยังล้อมรอบด้วยคูเพื่อกันไม่ให้น้ำเข้าจากตัวตึก นอกเหนือจากวัสดุแล้ว ตัวตึกยังได้รับการออกแบบให้มีฐานที่แข็งแรง ทัชมาฮาลใช้เสาค้ำกระทั่งถึงโครงสร้าง ซึ่งช่วยรักษาเสถียรภาพ เป็นผลให้ทัชมาฮาลสามารถทนต่อภัยจากธรรมชาติดังเช่นแผ่นดินไหวและก็อุทกภัย ตามความจริง, ตึกนี้ผลิตขึ้นในตอนที่จักรวรรดิโมกุลกำลังขยายตัวในหลายส่วนของโลก ทัชมาฮาลถูกสร้างขึ้นมาตรงเวลาหลายศตวรรษและเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความเจริญก้าวหน้าของอาณาจักรโมกุล ทัชมาฮาลไม่ได้เป็นเพียงแค่สถาปัตยกรรม ที่สวยเท่านั้น แต่ยังเป็นอาคารที่ใช้งานได้จริงอีกด้วย มันทำหน้าที่เป็นตัวอย่างว่าผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรม สามารถอยู่บนฐานรากของแนวทางการทำงานได้ยังไง
5. โคลอสเซียม
โคลอสเซียมถูกผลิตขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สำหรับความสนุกสนานรวมทั้งสถานที่สักการ แต่เป้าประสงค์หลักเป็นเพื่อราษฎรได้มองเห็นความขาดความกรุณาปรานีของจักรวรรดิโรมันแล้วก็วิธีที่มันควบคุมประชากร จักรวรรดิโรมันเป็นที่รู้จักสำหรับวิธีการลงอาญาที่อำมหิตแล้วก็รุนแรง พวกเขายังสนุกสนานกับการสู้รบแบบกลาดิเอเตอร์ กลาดิเอเตอร์เป็นผู้ต้องขังที่ต่อสู้คุ้นเคยจนตายเพื่อความสนุกสนานแล้วก็ผลกำไร เกมกลาดิเอเตอร์บางเกมมีไว้สำหรับผู้ชมทั่วไป ส่วนเกมอื่นๆสำหรับกิจกรรมพิเศษ เช่น วันเกิดหรือวันหยุด
โคลอสเซียมได้รับการออกแบบรวมทั้งสร้างขึ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี นักออกแบบ Vespasiano ศิษย์ของ Vitruvius จำต้องออกแบบอาคารเพื่อสร้างความประทับใจแล้วก็ขู่ประชาชน เขามีความคล่องตัวจำนวนมาก แม้กระนั้นเขาก็อยากแผนที่กล้าแกร่งเช่นกัน แผนการได้ทำงานในสามขั้นตอน: ช่วงแรกของการก่อสร้าง ระยะที่สองของการก่อสร้าง และก็ระยะสุดท้ายของการก่อสร้าง
6. มหาพีระมิดแห่งกิซ่า
ที่แกนกลางมหาพีระมิดที่กิซ่า อียิปต์เป็นห้องลับที่ฟาโรห์ฝังแล้วก็ฝังไว้ ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าฟาโรห์เป็นวิญญาณที่แผ่นดินซึ่งแสดงออกผ่านทางร่างกายของฟาโรห์ ห้องนี้ตั้งอยู่ที่จุดสุดยอดของปิรามิด พีระมิดได้รับการออกแบบเพื่อสามารถสร้างด้วยชุดของปิรามิดขนาดเล็กที่ซ้อนกัน ปิรามิดแต่ละอันถูกสร้างขึ้นครั้งละหนึ่งระดับ ห้องที่อยู่ตรงกลางปิรามิดเป็นห้องฝังศพของฟาโรห์
เพื่อเข้าใจ สถาปัตยกรรม ที่จริงจริงของปิรามิดที่ยิ่งใหญ่ในเมืองกิซ่า เราจำต้องรู้เรื่องความเกี่ยวพันระหว่างชั้นต่างๆของปิรามิด ความเชื่อมโยงระหว่างปิรามิดกับแผ่นดินที่ถูกสร้างขึ้น และหน้าที่ของแต่ละชั้น ชั้นแรกเป็นหลักหินปูนที่ปิรามิดทำขึ้น มันให้การส่งเสริมที่ต้องสำหรับในการยึดโครงสร้างทั้งหมดทั้งปวง ชั้นลำดับที่สองคือแกนกลางของปิรามิด ให้ความแข็งแรงของโครงสร้างและความแข็งแกร่งของปิรามิด ศูนย์กลางเป็นบล็อกหินสี่เหลี่ยม และเป็นหินประเภทเดียวที่ไม่ได้ทำจากหินปูน ชั้นที่สามเป็นปลอกของปิรามิด เป็นปลอกหินปูนที่หุ้มห่อศูนย์กลางและก็ยึดแกนและหินอื่นๆไว้ด้วยกัน ชั้นลำดับที่สี่เป็นเปลือกนอกของปิรามิด ยิ่งไปกว่านี้ยังเป็นปลอกหินปูนแล้วก็ใช้เพื่อคุ้มครองปกป้องปิรามิดจากการกัดเซาะ นอกจากนี้ยังยกปิรามิดขึ้นและก็คุ้มครองไม่ให้น้ำฝนเข้าไปภายในรวมทั้งสร้างความย่ำแย่ให้กับปิรามิด ชั้นที่ห้าคือส่วนบนของปิรามิด เป็นยอดของปิรามิด มันทำมาจากหินแกรนิต ชั้นที่หกเป็นศิลาหลัก มันถูกวางเอาไว้ด้านบนยอดปิรามิด เป็นชั้นสุดท้ายที่ให้ชื่อปิรามิด
มหาพีระมิดแห่งกิซ่าเป็นงาน สถาปัตยกรรม และวิศวกรรมอย่างแท้จริง ฟาโรห์เป็นสถาปนิกและวิศวกรของป่าช้าของตนเอง พวกเขาสร้างโดยใช้กฎแรงโน้มถ่วงตามธรรมชาติแล้วก็น้ำหนักของหินเพื่อสร้างโครงสร้าง พวกเขาใช้แนวทางเดียวกันของฟิสิกส์และก็กฎของเรขาคณิตในการดีไซน์รวมทั้งสร้างปิรามิด
มหาพีระมิดถูกทำขึ้นในสองขั้นตอน ขั้นแรกเสร็จสมบูรณ์โดยคูฟูซึ่งครองบัลลังก์ตั้งแต่ 2589-2566 ปีก่อนคริสตกาล ขั้นตอนที่สองเสร็จสิ้นโดยลูกชายของเขา Khafre ซึ่งครองแผ่นดินตั้งแต่ 2566-2558 ปีก่อนคริสตกาล
7. วิหารอาร์เทมิส

วิหารอาร์เทมิสทำขึ้นในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตศักราช แล้วก็ตั้งอยู่เป็นเยี่ยมในเจ็ดสิ่งอัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ เดิมวัดนี้ผลิตขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เทพธิดาอาร์เทมิส และได้รับการออกแบบโดยแคสซานเดอร์ที่มาซิโดเนีย แต่ ในศตวรรษที่ 2 CE มันถูกใช้เป็นป้อมปราการ สุดท้ายวัดก็ย่ำแย่ จากนั้นในศตวรรษที่ 15 ก็ถูกทำลายโดยพวกเติร์กออตโตมัน เดี๋ยวนี้ สามารถเจอวิหารอาร์เทมิสในอะวัวรโพลิสแห่งเอเธนส์ ประเทศกรีซ
การก่อสร้าง วิหารอาร์เทมิสทำขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตศักราชในเมืองเอเฟซัส ประเทศตุรกี วัตถุประสงค์เริ่มแรกของวัดคือเพื่อเป็นเกียรติแก่นางฟ้าอาร์เทมิส วัดนี้เป็นเลิศในเจ็ดสิ่งอัศจรรย์ของโลกโบราณ ในรัชสมัยของคาสซานเดอร์แห่งมาซิโดเนีย วัดที่นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นางฟ้าอาร์เทมิส แต่ ในศตวรรษที่ 2 CE มันถูกใช้เป็นป้อมปราการ ท้ายที่สุดวัดก็ทรุดโทรม ต่อจากนั้นในศตวรรษที่ 15 ก็ถูกทำลายโดยพวกเติร์กออตโตมัน ตามคำกล่าวของเพาซาเนียส พื้นฐานของวัดถูกวางขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตศักราช เมื่อถึงเวลานั้น บริเวณนี้มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างน้อย 4,000 ปี ในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตศักราช เมืองเอเฟซัสเป็นที่รู้จักในนาม “ราชินีแห่งเมือง” ความมั่งคั่งมาจากการส่งออกเงิน ตะกั่ว และก็ขนสัตว์ วิหารอาร์เทมิสสร้างขึ้นบนเนินเขา ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยกำแพง เนินเขามีรูปร่างเสมือนเรือ โดยมีวัดอยู่ที่หัวเรือ ตัวตึกทำด้วยหินอ่อนและครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดทั้งปวงราวๆ
8. มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี วางแบบโดยไมเคิลแองเจโล ในฐานะที่เป็นเลิศในสามของเจ็ดมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่ของกรุงโรม เสร็จสิ้นในปี 1626 มหาวิหารมีสามส่วน: โบสถ์ พื้นที่หลัก; ทางเดินซึ่งทอดยาวไปตามข้างๆของฟุตบาทกึ่งกลาง แล้วก็ปีกนก ซึ่งเป็นส่วนที่เล็กกว่าตรงข้ามโบสถ์ที่ล้อมด้วยทางเดิน วิหารเป็นพื้นที่หลักของมหาวิหาร เสาที่ยาวลงมาสร้างด้วยก้อนอิฐสีแดง ส่วนเสาที่เรียงตามทางเดินเป็นหินอ่อนสีขาว
เมื่อดูแวบแรก การออกแบบมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ดูราวกับว่าเป็นตึกที่ขวานผ่าซากมากมาย มหาวิหารเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ ผลิตขึ้นตรงเวลายาวนานหลายปีบนที่ดินผืนใหญ่ ข้างหน้าอาคารมีทางเข้าออก 3 ทาง อย่างไรก็ตาม ประตูหลักตั้งอยู่ที่ด้านหลังของตึก ซึ่งเป็นจุดเริ่มของทางเดินกึ่งกลางของโบสถ์ ที่นี่เป็นที่ที่คุณเข้าไปในโบสถ์
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ออกแบบโดยไมเคิลแองเจโล ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามของเจ็ดมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่ของกรุงโรม เสร็จสิ้นในปี 1626 มหาวิหารมีสามส่วน: โบสถ์ พื้นที่หลัก; ทางเท้าซึ่งทอดยาวไปตามด้านข้างของฟุตบาทกลาง รวมทั้งปีกนก ซึ่งเป็นส่วนที่เล็กมากยิ่งกว่าตรงกันข้ามโบสถ์ที่ล้อมรอบด้วยทางเท้า วิหารเป็นหลักที่หลักของมหาวิหาร เสาที่ยาวลงมาสร้างด้วยก้อนอิฐสีแดง ส่วนเสาที่เรียงตามทางเดินเป็นหินอ่อนสีขาว
9. นครวาติกัน
นครวาติกันตั้งอยู่ระหว่างกรุงโรมและก็เทือกเขาแอลป์สวิสเซอร์แลนด์ เป็นเยี่ยมในประเทศที่เล็กที่สุดในโลกโดยมีประชาชนไม่ถึง 400,000 คน มันถูกทำขึ้นในพื้นที่แอ่งน้ำที่มีแนวโน้มว่าจะถูกอุทกภัย โป๊ปฟรานซิสตัดสินใจสร้างเมืองใหม่บนแผ่นดินนี้ ตัวเลือกของเขาเป็น Castel Sant’Angelo ซึ่งเคยเป็นคุก ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Tiber และก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของนครวาติกัน
สถาปัตยกรรม ของนครวาติกันเกิดขึ้นโดย Gian Lorenzo Bernini ในปี 1644 เขาปรารถนาสถานที่สำหรับสวดมนต์ แผนเป็นเรื่องง่าย อาคารนี้แบ่งได้เป็นสามส่วน อาทิเช่น พระราชสำนักวาติกัน มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และก็วังลาเตรัน องค์ประกอบนี้มีพื้นฐานมาจากแนวความคิดโรมันโบราณเกี่ยวกับสี่เหลี่ยมจัตุรัส จตุรัสเป็นสี่เหลี่ยมด้านเท่าขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยตึกต่างๆโดยมีโบสถ์อยู่กึ่งกลาง มีไว้เพื่อเป็นสถานที่สักการะบูชา
วังวาติกันเดิมทำขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของจักรพัตราธิราชสำหรับพระสันตะปาปา จริงๆแล้วมันถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 แล้วก็ถูกใช้จนกระทั่งยุคกลาง มันถูกใช้เป็นที่พำนักของสมเด็จพระสันตะปาปาหลังจากนั้นเป็นต้นมา วังตั้งอยู่ด้านเหนือของ Castel Sant’Angelo ด้านหน้าวังเบือนหน้าไปทางแม่น้ำไทเบอร์ มีลานเจ็ดที่และก็ลานกลางใหญ่ที่สุด ถัดจากนี้ สวนวาติกันจะตั้งอยู่ข้างหลังวัง วางแบบโดย Michelangelo และมีสระว่ายน้ำ 2 ที่ในสวนนี้ ดังเช่นว่า Piazza del Giardino และก็ Ponte Sant’ Angelo
10. มัสยิดโซเฟีย

สถาปัตยกรรม ของสุเหร่าโซเฟียมีอายุย้อนกลับไปประมาณ500 AD เมื่อผลิตขึ้นบนที่ตั้งโรงอาบน้ำโรมัน คนเขียนแบบเป็นชาวภาษากรีกชื่อ Anthemius ผู้ออกแบบอาคารและก็เป็นผู้ดูแลกรุงคอนสแตนว่ากล่าวโนเปิลในขณะนั้น Anthemius ปรารถนาอวดผลงานของเขาให้เพื่อนฝูงๆแล้วก็เพื่อนบ้านของเขาสร้างองค์ประกอบที่ใหญ่โตจนถึงผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมายกย่อง ดังที่เป็นอยู่ในตอนนี้ Hagia Sophia เป็นโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้วก็สามารถรองรับผู้คนได้มากถึง 6,000 คน
มัสยิดโซเฟียเป็นตัวอย่างที่เด่นของวิธีการใช้ สถาปัตยกรรม เพื่อติดต่อสื่อสารข้อมูลทางศาสนาแล้วก็วัฒนธรรม ด้วยการใช้ สถาปัตยกรรม และก็องค์ประกอบการออกแบบ มันสามารถให้วิธีการทำความรู้ความเข้าใจความหมายเบื้องหลังมัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง สถาปัตยกรรม สามารถใช้เป็นแบบอย่างหนึ่งของการติดต่อสื่อสารได้ Hagia Sophia เป็นตัวอย่างที่ดีว่าตึกสามารถถ่ายทอดเนื้อความเฉพาะได้ยังไง ตึกมีความธรรมดาแล้วก็ตรงไปตรงมาสำหรับในการออกแบบโดยรวม คุณสมบัติเฉพาะของมันเป็นทรงกลม
สถาปัตยกรรม ของมัสยิดโซเฟียมีเอกลักษณ์ส่วนตัว โดมครอบคลุมองค์ประกอบทั้งปวงและก็ตั้งอยู่ด้านบนของพื้นที่ศูนย์กลาง ด้านกลางโอบล้อมด้วยแนวเสาขนาดใหญ่ ที่นาร์เทกซ์กึ่งกลางรวมทั้งเสาของวัวโลเนดถูกปกคลุมด้วยโดม โดมใส่มงกุฎด้วยกลองทรงกลมที่มีรูกึ่งกลาง
มัสยิดโซเฟีย โบสถ์อาสนวิหารแห่งพระสติปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นอาสนวิหารที่ใหญ่ที่สุดรวมทั้งสำคัญที่สุดของจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นเลิศในความสำเร็จทาง สถาปัตยกรรม ที่ยิ่งใหญ่ของโลกยุคโบราณ โบสถ์แห่งนี้ทำขึ้นในศตวรรษที่ 4 ได้รับการออกแบบให้เป็นศูนย์กลางของเมืองใหญ่ มีจุดหมายเพื่อเป็นมหาวิหาร “ราชวงศ์” ที่อุทิศให้กับความจำของจักรพรรดิคอนสแตนตำหนินมหาราชซึ่งเสียชีวิตขณะเยี่ยมชมเมืองในปี 337 ตึกที่มีขนาดดังที่กล่าวถึงแล้วจึงควรมีการวางแบบที่กว้างขวางและซับซ้อนซึ่งเป็นไปตามแผน ของโบสถ์คริสต์ที่แรกที่ทำขึ้นโดยคอนสแตนตำหนิน โบสถ์แห่งอัครสาวกศักดิ์สิทธิ์
โดยสรุป สถาปัตยกรรม อีกทั้ง 10 เหล่านี้มาจากทวีปต่างๆและก็ทั้งหมดทั้งปวงมีความโดดเด่นเพราะว่าแบบอย่าง การออกแบบ และก็การก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ สิ่งที่สถาปนิกพวกนี้มีเหมือนกันคือพวกเขาทั้งผองมีความคลั่งไคล้ในสิ่งที่พวกเขาทำ พวกเขาใช้ความคลั่งไคล้นี้เพื่อสร้างสไตล์ที่ไม่ซ้ำใครซึ่งง่ายต่อการเจาะจง